งานวิจัยเรื่อง
การศึกษาการปฏิบัติงานการประกันคุณภาพภายในของโรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยอุทิศ
อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
ชื่อผู้วิจัย คมกฤช พุ่มบุญนาก
ปีที่ทำการวิจัย 2555
1. ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
กระแสการเปลี่ยนแปลงในยุคโลกาภิวัฒน์และความเจริญทางเทคโนโลยีสารสนเทศทำให้สังคมในปัจจุบันเป็นสังคมโลกที่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างไร้พรมแดนและรวดเร็ว
เมื่อผสมผสานกับปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันที่มีแนวโน้มให้เห็นว่า สังคมไทยกำลังก้าวสู่ภาวะวิกฤต
การจะแก้ภาวะวิกฤตได้นั้น ปัจจัยที่สำคัญคือ คุณภาพของคน
การพัฒนาคุณภาพของคนจึงมุ่งไปที่การศึกษา
ให้การศึกษาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพของคนในชาติให้มีคุณภาพ มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์
การศึกษาต้องทำให้คนรู้จักคิดวิเคราะห์ รู้จักแก้ปัญหา มีความคิดสร้างสรรค์ เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง มีคุณธรรมจริยธรรมและสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างเป็นสุข (ณัฐพล ชุมวรฐายี, 2545, หน้า
2) เริ่มจากสถานศึกษาทุกแห่งต้องพัฒนาคุณภาพของตน
ต้องให้
การดำเนินงานการประกันคุณภาพการศึกษาภายในผสมผสานอยู่ในกระบวนการบริหาร
เพื่อพัฒนาคุณภาพของผู้เรียน อันจะเป็นการสร้างความมั่นใจแก่ผู้ปกครองได้ว่าสถานศึกษาสามารถจัดการศึกษาให้มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานการศึกษา
ด้วยความจำเป็นที่จะต้องประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา
จึงบังเกิดกฎหมายแม่บทของการปฏิรูปการศึกษา คือ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
(ฉบับที่ 2)พ.ศ.
2545 กำหนดให้สถานศึกษาทุกแห่งต้องดำเนินการเกี่ยวกับการประกันคุณภาพการศึกษา
ความตาม หมวด 6 ว่าด้วยมาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา มาตรา
47 ว่า “ให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา
ทุกระดับประกอบด้วยระบบการประกันคุณภาพภายในและระบบการประกันคุณภาพภายนอก” มาตรา 48 “ให้ถือว่าการประกันคุณภาพภายในเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารสถานศึกษาที่สถานศึกษาต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
โดยมีการจัดทำรายงานประจำปีเสนอต่อหน่วยงานต้นสังกัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเปิดเผยต่อสาธารณชนเพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา
เพื่อรองรับการประกันคุณภาพภายนอก” มาตรา 49 “กำหนดให้สถานศึกษาทุกแห่งต้องได้รับการประเมินคุณภาพภายนอกอย่างน้อย 1 ครั้ง
ในทุก 5 ปี และต้องเสนอผลการประเมินคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสาธารณชน”
(สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา, 2549, หน้า
9)
การจัดระบบประกันคุณภาพการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ
ได้กำหนดหลักการสำคัญเพื่อพัฒนาการศึกษาไทยให้เป็นเลิศด้วยการกระจายอำนาจในการกำหนดนโยบายการบริหาร
มีการสนับสนุนให้ผู้ปกครอง ชุมชน องค์กรปกครองท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการรับผิดชอบในการจัดการศึกษา
โดยสถานศึกษาจะต้องแสดงภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ ผลการจัดการศึกษาต่อนักเรียนผู้ปกครอง
ตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด (กระทรวงศึกษาธิการ,
2542, หน้า 3) พร้อมทั้งได้กำหนดนโยบายในการประกันคุณภาพการศึกษา
เพื่อให้ทุกสถานศึกษามีมาตรฐานคุณภาพการศึกษาเท่าเทียมกันส่งเสริมความร่วมมือสร้างจิตสำนึกในความรับผิดชอบเพื่อการพัฒนาคุณภาพมาตรฐาน
มีการจัดตั้งองค์กรรับผิดชอบการพัฒนามาตรฐานการศึกษาระดับก่อนประถมศึกษา ระดับประถมศึกษา
และระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จัดให้มีการประเมินคุณภาพทั้งระบบ เพื่อรับรองมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาตามเป้าหมาย
พัฒนาบุคลากรทุกระดับให้มีความรู้ ความเข้าใจในกระบวนการประกันคุณภาพการศึกษา และสามารถดำเนินการตามนโยบายให้ทุกสถานศึกษามีการประกันคุณภาพได้มาตรฐาน
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพุทธศักราช 2542 ฉบับแก้ไข
2545 หมวด 6มาตรา 48 “ให้หน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษาจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาและให้ถือว่าการประกันคุณภาพภายในเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษาที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
โดยมีการจัดทำรายงานประจำปีเสนอต่อหน่วยงานต้นสังกัด หรือ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และเปิดเผยต่อสาธารณชน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐาน
การศึกษา และเพื่อรองรับการประกันคุณภาพภายนอก”
กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศกฎกระทรวงศึกษาธิการ
เรื่อง ให้ใช้มาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานและมาตรฐานการศึกษาปฐมวัย เพื่อการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาประกาศเมื่อวันที่15 พฤศจิกายน 2548 ความว่า
“โดยที่มีการกระจายอำนาจไปสู่เขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษาและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและให้สถานศึกษาจัดการศึกษาโดยยึดหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช
2544 บูรณาการกับสภาพปัญหาความต้องการของท้องถิ่น ชุมชน และสังคม รวมทั้งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีระดับสากล
การจัดการศึกษาของสถานศึกษา แต่ละแห่งจึงมีวิธีการปฏิบัติที่หลากหลายแตกต่างกันไป เพื่อให้การพัฒนาคุณภาพสถานศึกษามีทิศทางไปสู่เป้าหมายเดียวกัน
อันจะทำให้สถานศึกษามีคุณภาพใกล้เคียงกัน จึงจำเป็นต้องกำหนดมาตรฐานการศึกษาขึ้นฉะนั้นอาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 มาตรา 9 (3) ที่ให้มีการกำหนดมาตรฐานการศึกษา และจัดระบบการประกันคุณภาพการศึกษาทุกระดับและทุกประเภทการศึกษา
และมาตรา 48 ให้หน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษาจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาและให้ถือว่าการประกันคุณภาพภายในเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษาที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องโดยมีการจัดทำรายงานประจำปีเสนอต่อหน่วยงานต้นสังกัด
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเปิดเผยต่อสาธารณชนเพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาและเพื่อรองรับการประกันคุณภาพภายนอก
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช
2542 (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม 2545) หมวด 6 มาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา
มาตรา 47-51 กำหนดให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาทุกระดับประกอบด้วยระบบการประกันภายในและระบบการประกันภายนอก
ให้หน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษาจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาและถือว่าการประกันคุณภาพภายในเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษา
ให้มีสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา มีฐานะเป็นองค์การมหาชนทำหน้าที่พัฒนาเกณฑ์
วิธีการประเมินคุณภาพภายนอกและให้สถานศึกษาให้ความร่วมมือในการจัดเตรียมเอกสารหลักฐานต่างๆ
ที่มีข้อมูลเกี่ยวข้องกับสถานศึกษา เพื่อรับการประเมิน และให้สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาจัดทำข้อเสนอแนะต่อหน่วยงานต้นสังกัดเพื่อให้สถานศึกษาปรับปรุงแก้ไขภายในระยะเวลาที่กำหนด
(สำนักนายกรัฐมนตรี:2545) ซึ่งระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาจะมีประสิทธิผลหรือไม่ขึ้นอยู่กับการพัฒนาความรู้ความเข้าใจและความสามารถในการนำไปปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ของบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการสถานศึกษาต้องมีความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติเอาใจใส่ต่อการบริหารงาน
ด้านการประเมินผลภายใน การกำกับติดตาม จึงจะทำให้การประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาประสบผลสำเร็จ
ในการปฏิบัติงานประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษายังเป็นที่กังวล เกิดความสับสนและไม่เข้าใจในหลักการปฏิบัติ
จากรายงานผลการวิจัยของ สมศ. พบว่า สถานศึกษายังไม่เห็นความสำคัญต่อการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา
ผู้บริหาร ครูและผู้เกี่ยวข้องยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบการประกันคุณภาพภายใน
การปฏิบัติงานการประกันคุณภาพภายในจึงขาดประสิทธิภาพส่งผลให้การพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาไม่บรรลุเป้าหมาย
(เอกสารประกอบการประชุม สำนักเลขาธิการสภาการศึกษา:2553)
การประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา
จึงเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา เพราะเป็นระบบที่สร้างความมั่นใจว่า สถานศึกษาสามารถจัดการศึกษาได้คุณภาพตามมาตรฐาน
ผู้สำเร็จการศึกษามีความรู้ ความสามารถ มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่หลักสูตรกำหนดและสังคมต้องการ
และสืบเนื่องจากการที่กระทรวงศึกษาธิการได้กระจายบทบาทการจัดการศึกษาให้สถานศึกษาเป็นหน่วยรับผิดชอบจัด
และพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้เป็นที่เชื่อมั่นและพอใจของผู้เรียน ผู้ปกครอง ชุมชน และสังคม
ดังนั้นหน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจะต้องมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ตั้งแต่การวางแผนการดำเนินงานและตรวจสอบผลการดำเนินงานตามภาระรับผิดชอบอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ
เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนดไว้(กระทรวงศึกษาธิการ, 2542, หน้า 2) การประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา จะทำให้สถานศึกษามีระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
มีการทำงานที่มีเป้าหมายและแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน โดยในการดำเนินการตามแผนเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายนั้น
ก็จะต้องมีการประเมินคุณภาพภายในหรือการประเมินตนเอง เพื่อตรวจสอบและพัฒนาปรับปรุงให้เป็นไปตามเป้าหมายอยู่ตลอดเวลา
(สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, 2544, หน้า
3)
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ ได้กำหนดให้สถานศึกษาในสังกัด ดำเนินงานการประเมินคุณภาพภายในของสถานศึกษาเป็นประจำทุกปี
โดยให้จัดทำเป็นการรายงานผลการประเมินตนเอง (Self
Study Report) ในส่วนของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชลบุรี
เขต 3 ได้สรุปผลการดำเนินการประเมินตามเกณฑ์มาตรฐานประเมินคุณภาพภายในของสถานศึกษา
ประจำปีการศึกษา 2545-2547 พบว่า คุณภาพการเรียนของนักเรียนทั้ง
4 ระดับ ต่ำกว่าเกณฑ์ นอกจากนี้ยังพบว่าสถานศึกษาสามารถจัดทำมาตรฐานโรงเรียนได้แต่ไม่ชัดเจน
การจัดทำข้อมูลพื้นฐานและระบบสารสนเทศ ได้มีการจัดทำแต่ไม่ได้นำข้อมูลสารสนเทศไปใช้
ในการกำหนดเป้าหมาย การจัดทำธรรมนูญโรงเรียน แผนยุทธศาสตร์สถาน ศึกษาขาดเป้าหมายเชิงคุณภาพที่ชัดเจน และไม่นำธรรมนูญ
แผนยุทธศาสตร์มาใช้ การจัดทำแผนปฏิบัติการยังไม่สอดคล้องกับข้อมูล และเป้าหมาย การดำเนินงานตามแผนและตรวจสอบคุณภาพภายใน
สถานศึกษาขาดการตรวจสอบคุณภาพภายในระหว่างการดำเนินงาน และการ
รายงานความก้าวหน้า สถานศึกษารายงานความก้าวหน้าไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
แต่สถานศึกษาบางส่วนไม่รายงานให้ชุมชนรับทราบ (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชลบุรี เขต 3, 2546,หน้า
8)
การปฏิบัติงานด้านการประกันคุณภาพภายในของโรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยอุทิศ
ได้ยึดหลักและแนวทางการดำเนินงานตามกรอบของการประกันคุณภาพการศึกษา ตามพระราชบัญญัติการศึกษา
พ.ศ. 2542 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.
2545 และกรอบการประเมินคุณภาพภายนอกระดับ
การศึกษาขั้นพื้นฐานของ สมศ. โดยมีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
มีการนิเทศ กำกับ ติดตามการบริหารงานของสถานศึกษา การจัดอบรมให้ความรู้แก่บุคลากรในโรงเรียน
การให้ข้อเสนอแนะในการปฏิบัติงาน การเก็บรวบรวมข้อมูล การจัดทำระบบข้อมูลสารสนเทศของหน่วยงาน
และฝ่ายต่างๆ ตามแผนงานของโรงเรียน รวมทั้งการนำแนวทางการดำเนินงานและทิศทางการพัฒนาระบบงานมาขยายผลให้แก่บุคลากรในโรงเรียนได้นำไปประยุกต์ใช้และยึดเป็นแนวปฏิบัติ
ผู้วิจัยมีความสนใจในการศึกษาการปฏิบัติงานการประกันคุณภาพภายในของโรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยอุทิศ
เพื่อให้ระบบการพัฒนาคุณภาพการศึกษามีความต่อเนื่องและทำให้ระบบการบริหารสถานศึกษาบรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์โดยได้รับความร่วมมือจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกำกับ
ส่งเสริมและสนับสนุนกิจการของสถานศึกษา รวมทั้งนำข้อเสนอแนะเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพต่อไป
2.
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1. เพื่อศึกษาการปฏิบัติงานการประกันคุณภาพภายในของโรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยอุทิศ
อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
2.
เพื่อสำรวจความคิดเห็นของครูและบุคลากรทางการศึกษาต่อการประกันคุณภาพภายในของโรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยอุทิศ
อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
3.
สมมุติฐานการวิจัย
1.
กระบวนการการประกันคุณภาพภายในของโรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยอยู่ในระดับดี
2. ความคิดเห็นของครูและบุคลากรทางการศึกษา
โรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยอุทิศต่อการประกันคุณภาพภายใน อยู่ในระดับ มาก
4.
ขอบเขตของการวิจัย
4.1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้
ได้แก่ ครูละบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยอุทิศ จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 35 คน ซึ่งได้แก่
ผู้บริการสถานศึกษา ข้าราชการครู อัตราจ้าง พนักงานราชการ และ
คณะกรรมการสถานศึกษาอีกจำนวน 10 คน
4.2 ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย
1. ตัวแปรอิสระ ( Independent Variables ) คือ
ข้อมูลพื้นฐานของครูและบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยอุทิศ
ได้แก่ เพศ อายุ การศึกษา สภาพแวดล้อมในการทำงาน และระยะเวลาในการทำงาน
2. ตัวแปรตาม ( Dependent Variables ) คือ การประกันคุณภาพภายในโรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยอุทิศ
จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งประกอบด้วย ด้านการบริหารจัดการ ด้านการมีส่วนร่วมของบุคลากร
และด้านการตรวจสอบและการประเมินคุณภาพภายใน
4.3 เนื้อหา/วิธีการในการวิจัย
การศึกษาครั้งนี้มุ่งเน้นเพื่อศึกษาการปฏิบัติงานการประกันคุณภาพภายในโรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยอุทิศ
จังหวัดกาญจนบุรี ด้านผลการดำเนินงานการประกันคุณภาพภายใน
เพื่อพัฒนาหาแนวทางปรับปรุงแก้ไขผลการดำเนินงานการประกันคุณภาพภายในโรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยอุทิศ
โดยมีกรอบการดำเนินงานการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ดังนี้ การจัดระบบบริหารและสารสนเทศ
การพัฒนามาตรฐานการศึกษา การจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา
การดำเนินงานตามแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา
การตรวจสอบและทบทวนคุณภาพการศึกษา การประเมินคุณภาพการศึกษา การรายงานคุณภาพการศึกษาและการจัดทำระบบประกันคุณภาพการศึกษา
4.4 ระยะเวลาที่ใช้ในการวิจัย
ผู้วิจัยได้ดำเนินการทดลองในปีการศึกษา
2555 โดยดำเนินการงานประกันคุณภาพภายในโรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยอุทิศและเก็บข้อมูลตลอดปีการศึกษา
5.
นิยามศัพท์เฉพาะ
บุคลากร
หมายถึง ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยอุทิศ จังหวัดกาญจนบุรี
ระบบบริหารคุณภาพ (Quality Management
System) หมายถึง ระบบ การบริหารที่มุ่งให้กระบวนการดำเนินงานทุกระบบภายในโรงเรียน เป็นกระบวนการ ที่แสดงความสามารถและประสิทธิภาพในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า
ด้วย หลักการบริหารคุณภาพและบริการอย่างเป็นทางการ
การประกันคุณภาพการศึกษา
หมายถึง การมีระบบและกลไก ในการควบคุม ตรวจสอบและประเมินการดำเนินงานในแต่ละองค์ประกอบตามดัชนีตัวบ่งชี้
ที่กำหนด เพื่อเป็นหลักประกันแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและสาธารณชนได้มั่นใจ
การประเมินคุณภาพการศึกษา
หมายถึง กระบวนการวิเคราะห์และ เปรียบเทียบผลการดำเนินงานของโรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยอุทิศ จังหวัดกาญจนบุรี ว่าส่งผลต่อคุณภาพตามตัวบ่งชี้
การประกันคุณภาพภายใน
หมายถึง การประเมินผลและการติดตาม ตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของโรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยอุทิศ จังหวัดกาญจนบุรี จากภายในโดยบุคลากรของโรงเรียน
ความคิดเห็น
หมายถึง ความคิด ความเข้าใจ และความรู้สึกของบุคลากรที่มี ต่อการดำเนินงานการประกันคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยอุทิศ จังหวัดกาญจนบุรี
สถานภาพส่วนบุคคล
หมายถึง คุณลักษณะที่เป็นลักษณะเฉพาะของบุคลากร แต่ละคน
วุฒิการศึกษา หมายถึง ระดับการศึกษาขั้นสูงสุดของบุคลากร
ประสบการณ์การทำงานหรือระยะเวลาการทำงาน
หมายถึง ช่วงระยะเวลา ของการปฏิบัติงาน ตั้งแต่เริ่มจนถึง ณ วันที่ตอบแบบสอบถามของบุคลากรผู้ตอบแบบสอบถาม
ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในโรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยอุทิศ
สถานภาพในการปฏิบัติงาน
หมายถึง สถานภาพการทำงานของบุคลากร ได้แก่ ข้าราชการ พนักงานมหาวิทยาลัย ลูกจ้าง และลูกจ้างชั่วคราว
สภาพแวดล้อมในการทำงาน
หมายถึง บรรยายกาศสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ภายในหน่วยงานอันจะมีส่วนเกื้อกูลหรือส่งเสริมการปฏิบัติงาน
เช่น อาคารสถานที่ที่ทำงาน เหมาะสม การมีวัสดุอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ที่ทันสมัยเพียงพอต่อการปฏิบัติงาน
6.
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. โรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยอุทิศได้เครื่องมือที่เหมาะสมในการพัฒนาระบบงานประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา
2. ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้แนวทางในการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา
7.
การทบทวนเอกสารที่เกี่ยวข้อง
การศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และผลงานวิจัยหรือวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง
เพื่อใช้เป็น แนวทางในการศึกษาค้นคว้างานวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยหรือวรรณกรรม
ที่เกี่ยวข้องกับหลักการ แนวคิด และทฤษฎีต่าง ๆ ซึ่งได้จัดแบ่งสาระสำคัญได้ ดังนี้
1.แนวคิดเกี่ยวกับการประกันคุณภาพการศึกษา
2.ประโยชน์ที่ได้จากการประกันคุณภาพการศึกษา
3.กระบวนการการประกันคุณภาพภายใน
4.งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
แนวคิดเกี่ยวกับการประกันคุณภาพการศึกษา
จากการศึกษาทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับการประกันคุณภาพการศึกษา
มีนักวิชาการได้กล่าวถึงความหมายและการดำเนินการประกันคุณภาพการศึกษา ซึ่งมี รายละเอียดดังนี้
การประกันคุณภาพการศึกษา หมายถึง การดำเนินการเกี่ยวกับการกำหนดมาตรฐานคุณภาพการศึกษาและกระบวนการตรวจสอบหรือการประเมินว่าเป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพการศึกษามากน้อยเพียงไร
(Murgatroyd,Stephen
and Morgan,Colin 1994
: 45)
เมอร์กาทรอยด์ และ มอร์แกน (Murgatroyd &
Morgan 1994) ได้จำแนกลักษณะเด่นของการประกันคุณภาพทางการศึกษาไว้
5 ประการ
1. มาตรฐานการศึกษากำหนดโดยผู้เชี่ยวชาญภายนอก
2. มาตรฐานเขียนในรูปของความคาดหวังที่โรงเรียนจะต้องบรรลุถึง
3. มาตรฐานต้องสามารถประเมินได้โดยใช้เกณฑ์ที่เป็นปรนัย
4. มาตรฐานต้องใช้อย่างเสมอภาค ไม่มีการยกเว้นโดยปราศจากเหตุผลสมควร
5. การประกันคุณภาพการศึกษาจะประกอบด้วยการตรวจสอบและทบทวน (Audit and
Review) การทดสอบด้วยแบบ ทดสอบมาตรฐาน และการประเมินคุณภาพการศึกษา
การประกันคุณภาพการศึกษา มีความสำคัญ
3 ประการ คือ
1.ทำให้ประชาชนได้รับข้อมูลคุณภาพการศึกษาที่เชื่อถือได้
เกิดความเชื่อมั่นและสามารถตัดสินใจเลือกใช้บริการที่มีคุณภาพมาตรฐาน
2.ป้องกันการจัดการศึกษาที่ไม่มีคุณภาพ
ซึ่งจะเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคและเกิดความเสมอภาคในโอกาสที่จะได้รับการบริการการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึง
3.ทำให้ผู้รับผิดชอบในการจัดการศึกษามุ่งบริหารจัดการศึกษาสู่คุณภาพและมาตรฐานอย่างจริงจัง
ซึ่งมีผลให้การศึกษามีพลังที่จะพัฒนาประชากรให้มีคุณภาพอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง
การประกันคุณภาพการศึกษาจึงเป็นการบริหารจัดการและการดำเนินกิจกรรมตามภารกิจปกติของสถานศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้ผู้รับบริการการศึกษา
ทั้งยังเป็นการป้องกันการจัดการศึกษาที่ด้อยคุณภาพและสร้างสรรค์การศึกษาให้เป็นกลไกที่มีพลังในการพัฒนาประชากรให้มีคุณภาพสูงยิ่งขึ้นการสร้างความมั่นใจซึ่งเป็นแกนหลักของการประกันคุณภาพประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญหลายประการอันได้แก่
1.
การวางแผนป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นตั้งแต่ขั้นของการออกแบบการกำกับดูแล ตรวจสอบและทบทวนเพื่อการปรับปรุง
แก้ไขในทุกขั้นตอนของการผลิตซึ่งต่างจากรูปแบบการประเมินแบบเก่าที่เน้นการตรวจจับเมื่อปัญหาสำคัญในขั้นผลผลิต
ได้เกิดขึ้นแล้ว
2.
การนำองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยอันได้แก่รูปแบบ กรรมวิธี และ
เทคนิควิธีที่เป็นนวัตกรรมที่มีหลักฐานทางทฤษฎีและผลการวิจัยเชิงประจักษ์ที่น่าเชื่อถือรองรับไปประยุกต์ใช้ในขั้นตอน
ต่างๆในกระบวนการผลิต ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความมั่นใจอย่างมีเหตุผลว่า
การดำเนินงานตามขั้นตอนต่างๆ
ทั้งระบบจะนำไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างน่าไว้วางใจ และจะมีความผิดพลาดคลาดเคลื่อนในวงจำกัดที่น้อยที่สุด
บรรจบ จันทมาศ (2541, หน้า 2) ให้ความหมายของคำว่า
การประกันคุณภาพ หมายถึง กิจกรรมหรือการปฏิบัติใด ๆ ที่หากได้ดำเนินการตามระบบและแผนที่วางไว้
จะ ทำให้เกิดความมั่นใจได้ว่าจะได้ผลงานที่มีคุณภาพตามลักษณะที่พึงประสงค์
“การประกันคุณภาพการศึกษา”
ทบวงมหาวิทยาลัย (2544, หน้า
24) ให้นิยาม คำว่า การประกันคุณภาพการศึกษา หมายถึง การมีระบบและกลไกในการควบคุม
ตรวจสอบ และประเมินการดำเนินงานในแต่ละองค์ประกอบคุณภาพตามดัชนีที่กำหนด เพื่อเป็นหลัก
ประกันแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและสาธารณชนได้มั่นใจว่าว่า สถาบันนั้น ๆ สามารถให้ผลผลิต
ทางการศึกษาที่มีคุณภาพ
ไพบูลย์ เปานิล (2543, หน้า 16) ให้ความหมายของการประกันคุณภาพการศึกษา ว่าหมายถึง
กิจกรรมหรือปฏิบัติการที่มีแผนและเป็นระบบที่สถาบันการศึกษาดำเนินงาน ตามแผนและระบบที่กำหนด
เพื่อให้ผลผลิตทางการศึกษามีคุณภาพมาตรฐานตามปรัชญา พันธกิจและจุดมุ่งหมายที่กำหนด
และสร้างความพึงพอใจให้กับผู้รับบริการ (บัณฑิต ผู้ปกครอง และผู้ใช้บัณฑิต)
วันชัย ศิริชนะ (2540, หน้า 10) กล่าวว่า การประกันคุณภาพการศึกษา
เป็นการ กระทำกิจกรรมใดที่สะท้อนถึงความมีคุณภาพ การตรวจสอบเป็นกลไกเพิ่มเติมเพื่อให้สังคม
มั่นใจยิ่งขึ้นว่า การดำเนินการของสถาบันอุดมศึกษาเป็นไปอย่างมีคุณภาพ ซึ่งการให้การศึกษา
ที่มีคุณภาพจะต้องทำอย่างมีระเบียบแบบแผน
จำรัส นองมาก (2544, หน้า 2) ให้ความหมายการประกันคุณภาพว่า
ตามความ ที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.
2542 หมายถึง การประเมินผล และการติดตามตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานของสถานศึกษาหรือโดยหน่วยงานต้นสังกัด
ที่มีหน้าที่กำกับดูแลสถานศึกษานั้น ถ้าเป็นการประกันคุณภาพภายนอกก็ตรวจสอบโดย สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา
จากความหมายที่กล่าวมาพอสรุปได้ว่า การประกันคุณภาพการศึกษา
หมายถึง หลักการดำเนินการ กระบวนการ หรือกิจกรรมของสถานศึกษาเป็นไปอย่างมีคุณภาพ มี
หลักฐาน สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งเป็นการรับประกันและสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้เรียน ผู้ปกครอง
ชุมชน สังคม ว่าผลผลิตของสถาบันจะได้รับการพัฒนาคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตามมาตรฐานที่กำหนดซึ่งจะใช้เป็นกรอบและ
แนวทางในการกำหนดมาตรฐานการศึกษาของชาติที่เหมาะสมกับกาลสมัยและทันเหตุการณ์
การเปลี่ยนแปลงใน สังคมโลก และสามารถนำไปพัฒนาเป็นหลักสูตรสถานศึกษา
ซึ่งจะใช้เป็นแนวทางจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษา ต่อไป
ความสำคัญของการประกันคุณภาพการศึกษา
มีความสำคัญ 3 ประการ
คือ
1.ทำให้ประชาชนได้รับข้อมูลคุณภาพการศึกษาที่เชื่อถือได้
เกิดความเชื่อมั่นและสามารถตัดสินใจเลือกใช้บริการที่มีคุณภาพมาตรฐาน
2.ป้องกันการจัดการศึกษาที่ไม่มีคุณภาพ
ซึ่งจะเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคและเกิดความเสมอภาคในโอกาสที่จะได้รับการบริการการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึง
3.ทำให้ผู้รับผิดชอบในการจัดการศึกษามุ่งบริหารจัดการศึกษาสู่คุณภาพและมาตรฐานอย่างจริงจัง
ซึ่งมีผลให้การศึกษามีพลังที่จะพัฒนาประชากรให้มีคุณภาพอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง
การประกันคุณภาพการศึกษาจึงเป็นการบริหารจัดการและการดำเนินกิจกรรมตามภารกิจปกติของสถานศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้ผู้รับบริการการศึกษา ทั้งยังเป็นการป้องกันการจัดการศึกษาที่ด้อยคุณภาพและสร้างสรรค์การศึกษาให้เป็นกลไกที่มีพลังในการพัฒนาประชากรให้มีคุณภาพสูงยิ่งขึ้น
กระบวนการประกันคุณภาพภายใน
ระบบการประกันคุณภาพภายใน หมายถึง
ระบบการประเมินผล
และการติดตามตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายในโดยบุคลากรของสถานศึกษานั้นเองหรือโดยหน่วยงานต้นสังกัดที่มีหน้าที่กำกับดูแลสถานศึกษานั้น
(พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ. 2542 : มาตรา 4)
สถานศึกษาจะต้องพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในให้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารและการปฏิบัติงาน
โดยคำนึงถึงหลักการและกระบวนการดังต่อไปนี้
1.หลักการสำคัญของการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษามี
3 ประการ คือ
(สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ
2543 : 11)
1.1 จุดมุ่งหมายของการประกันคุณภาพภายใน
คือ การที่สถานศึกษาร่วมกันพัฒนาปรับปรุงคุณภาพให้เป็นไปตามมาตรฐานการศึกษา
ไม่ใช่การจับผิดหรือทำให้บุคลากรเสียหน้า โดยเป้าหมายสำคัญอยู่ที่
การพัฒนาคุณภาพให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน
1.2 การที่จะดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายตามข้อ
1.1 ต้องทำให้การประกันคุณภาพการศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารจัดการและการทำงานของบุคลากรทุกคนในสถานศึกษาไม่ใช่เป็นกระบวนการที่แยกส่วนมาจากการดำเนินงานตามปกติของสถานศึกษาโดยสถานศึกษาจะต้องวางแผนพัฒนาและแผนปฏิบัติการที่มีเป้าหมายชัดเจน
ทำตามแผนตรวจสอบประเมินผลและพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
เป็นระบบที่มีความโปร่งใสและมีจิตสำนึกในการพัฒนาคุณภาพการทำงาน
1.3 การประกันคุณภาพเป็นหน้าที่ของบุคลากรทุกคนในสถานศึกษา
ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร ครู อาจารย์และบุคลากรอื่นๆ
ในสถานศึกษาโดยในการดำเนินงานจะต้องให้ผู้เกี่ยวข้อง เช่น ผู้เรียน ชุมชน
เขตพื้นที่การศึกษา หรือหน่วยงานที่กำกับดูแลเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมาย
วางแผน ติดตามประเมินผลพัฒนาปรับปรุง ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ
ช่วยกันผลักดันให้สถานศึกษามีคุณภาพ เพื่อให้ผู้เรียนได้รับการศึกษาที่ดีมีคุณภาพ
เป็นไปตามความต้องการของผู้ปกครอง สังคม และประเทศชาติ
2. กระบวนการการประกันคุณภาพภายในตามแนวคิดของการประกันคุณภาพ
มี 3 ขั้นตอนคือ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ 2543 :7)
2.1 การควบคุมคุณภาพ
เป็นการกำหนดมาตรฐานคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาเพื่อพัฒนาสถานศึกษาให้เข้าสู่มาตรฐาน
2.2 การตรวจสอบคุณภาพ
เป็นการตรวจสอบ และติดตามผลการดำเนินงานของสถานศึกษาให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด
2.3 การประเมินคุณภาพ
เป็นการประเมินคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาโดยสถานศึกษาและหน่วยงานต้นสังกัดในระดับเขตพื้นที่การศึกษาฯ
และระดับกระทรวง
3. กระบวนการประกันคุณภาพภายในตามแนวคิดของหลักการบริหารที่เป็นกระบวนการครบวงจร
(PDCA) ประกอบด้วย 4 ขั้นตอนคือ
3.1 การร่วมกันวางแผน (Planning)
3.2 การร่วมกันปฏิบัติตามแผน (Doing)
3.3 การร่วมกันตรวจสอบ (Checking)
3.4 การร่วมกันปรับปรุง (Action)
เมื่อพิจารณากระบวนการการประกันคุณภาพภายในตามแนวคิดของการประเมินคุณภาพและแนวคิดของการบริหารแบบครบวงจรจะเห็นว่ามีความสอดคล้องกัน
ดังนี้ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ 2543 :10)
จากภาพ
การควบคุมคุณภาพและการตรวจสอบคุณภาพก็คือกระบวนการบริหารเพื่อพัฒนาคุณภาพตามหลักการบริหารนั่นเอง
โดยการควบคุมคุณภาพ คือ การที่สถานศึกษาต้องร่วมกันวางแผนและดำเนินการตามแผน
เพื่อพัฒนาสถานศึกษาให้มีคุณภาพตามเป้าหมายและมาตรฐานการศึกษา
ส่วนการตรวจสอบคุณภาพ คือ การที่สถานศึกษาต้องร่วมกันตรวจสอบเพื่อพัฒนาปรับปรุงคุณภาพให้เป็นไปตามเป้าหมายและมาตรฐานการศึกษาเมื่อสถานศึกษามีการตรวจสอบตนเองแล้วหน่วยงานในเขตพื้นที่การศึกษาและต้นสังกัดก็เข้ามาช่วยติดตามและประเมินคุณภาพเพื่อให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาปรับปรุงสถานศึกษา
ซึ่งจะทำให้สถานศึกษามีความอุ่นใจ และเกิดความตื่นตัวในการพัฒนาคุณภาพอยู่เสมอ
ขั้นตอนการดำเนินงานตามกระบวนการประกันคุณภาพภายใน
การดำเนินการประกันคุณภาพภายในตามกระบวนการที่กล่าวมาแล้ว
มีแนวทางและขั้นตอน ดังแผนภาพต่อไปนี้
ขั้นตอนการดำเนินการประกันคุณภาพภายในมีรายละเอียด
ดังนี้
1.ขั้นการเตรียมการ ซึ่งการเตรียมการที่มีความสำคัญ คือ
1.1 การเตรียมความพร้อมของบุคลากร
โดยต้องสร้างความตระหนักถึงคุณค่าของการประกันคุณภาพภายในและการทำงานเป็นทีม
ซึ่งจะจัดทำการชี้แจงทำความเข้าใจโดยใช้บุคลากรภายในสถานศึกษาหรือวิทยากรมืออาชีพจากภายนอก
โดยบุคลากรทุกคนในสถานศึกษาได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมรับทราบพร้อมกัน
และต้องพัฒนาความรู้
ทักษะเกี่ยวกับการประกันคุณภาพภายในให้บุคลากรทุกคนเกิดความมั่นใจในการดำเนินงานประกันคุณภาพด้วยการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ
โดยเน้นเนื้อหาเกี่ยวกับการจัดทำแผนพัฒนาสถานศึกษาและแผนปฏิบัติการในแต่ละปี
ต่อมาเน้นเนื้อหาการกำหนดกรอบและแผนการประเมิน
การสร้างเครื่องมือประเมินและการรวบรวมข้อมูล
ในช่วงท้ายเน้นเรื่องเกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูล
การนำเสนอผลการประเมินและการเขียนรายงานผลการประเมินตนเอง (Self Study
Report)
1.2 การแต่งตั้งคณะกรรมการผู้รับผิดชอบในการประสานงาน
กำกับดูแล ช่วยเหลือสนับสนุนให้ทุกฝ่ายทำงานร่วมกันและเชื่อมโยงเป็นทีม โดยการตั้งคณะกรรมการควรพิจารณาตามแผนภูมิโครงสร้างการบริหารซึ่งฝ่ายที่รับผิดชอบงานใดควรเป็นกรรมการรับผิดชอบการพัฒนาและประเมินคุณภาพงานนั้น
2. ขั้นการดำเนินงานประกันคุณภาพภายใน ประกอบด้วยขั้นตอนหลัก 4 ขั้นตอน
2.1 การวางแผน
จะต้องมีการกำหนดเป้าหมาย แนวทางการดำเนินงาน ผู้รับผิดชอบงาน
ระยะเวลาและทรัพยากรที่ต้องใช้ สำหรับแผนต่างๆ ที่ควรจัดทำคือ
แผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา แผนปฏิบัติการประจำปี
แผนการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของสถานศึกษา
แผนการประเมินคุณภาพและแผนงบประมาณ เป็นต้น
2.2 การปฏิบัติตามแผน
ซึ่งในขณะดำเนินการต้องมีการเรียนรู้เพิ่มเติมตลอดเวลาและผู้บริหารควรให้การส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรทุกคนทำงานอย่างมีความสุข
จัดสิ่งอำนวยความสะดวก สนับสนุนทรัพยากรเพื่อการปฏิบัติ กำกับ
ติดตามการทำงานทั้งระดับบุคลากร รายกลุ่ม รายหมวด และให้การนิเทศ
2.3 การตรวจสอบประเมินผล
ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่จะกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเพราะจะทำให้ได้ข้อมูลย้อนกลับที่แสดงว่าการดำเนินงานที่ผ่านมาบรรลุเป้าหมายเพียงใด
โดยการประเมินต้องจัดวางกรอบการประเมิน จัดหาหรือจัดทำเครื่องมือ
จัดเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล แปลความข้อมูล และการตรวจสอบ
ปรับปรุงคุณภาพการประเมิน
2.4 การนำผลการประเมินมาปรับปรุงงาน
เมื่อแต่ละฝ่ายประเมินผลเสร็จแล้วจะส่งผลให้คณะกรรมการรับผิดชอบนำไปวิเคราะห์
สังเคราะห์และแปลผลแล้วนำเสนอผลต่อผู้เกี่ยวข้องเพื่อนำไปปรับปรุงการปฏิบัติงานของผู้บริหารและบุคลากร
นำไปวางแผนในระยะต่อไป และจัดทำเป็นข้อมูลสารสนเทศหรือการเขียนรายงานประเมินตนเอง
3. ขั้นการจัดทำรายงานประเมินตนเองหรือรายงานประจำปี เมื่อสถานศึกษาดำเนินการประเมินผลภายในเสร็จแล้วจะจัดทำรายงาน
โดยเริ่มจากรวบรวมผลการดำเนินงานและผลการประเมินมาวิเคราะห์จำแนกตามมาตรฐานการศึกษาและเขียนรายงาน
ประโยชน์ที่ได้จากการประกันคุณภาพการศึกษา
ผู้เรียนและผู้ปกครองมีหลักประกันและความมั่นใจว่าสถานศึกษาจะจัดการศึกษาที่มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดครูได้ทำงานอย่างมืออาชีพ มีการทำงานที่เป็นระบบ
โปร่งใส มีความรับผิดชอบที่
ตรวจสอบได้
มีประสิทธิภาพ และเน้นคุณภาพ ได้พัฒนาตนเองและผู้เรียนอย่างต่อเนื่องทำให้เป็น
ที่ยอมรับของผู้ปกครองและชุมชนผู้บริหารได้ใช้ภาวะผู้นำและความรู้
ความสามารถในการบริหารงานอย่างเป็นระบบ
และมีความโปร่งใส เพื่อพัฒนาสถานศึกษาให้มีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับและนิยมชมชอบของผู้ปกครองและชุมชน ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ก่อให้เกิดความภาคภูมิใจและเป็นประโยชน์ต่อสังคมกรรมการสถานศึกษาได้ทำงานตามบทบาทหน้าที่อย่างเหมาะสม
เป็นผู้ที่ทำประโยชน์ และมีส่วนพัฒนาสถานศึกษาและคุณภาพทางการศึกษาให้แก่เยาวชนและชุมชนร่วมกับผู้บริหารและครู
สมควรที่ได้รับความไว้วางใจให้มาเป็นกรรมการสถานศึกษาหน่วยงานที่กำกับดูแล ได้สถานศึกษาที่มีคุณภาพและศักยภาพในการพัฒนาตนเอง
ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระในการกำกับ ดูแลสถานศึกษา
และก่อให้เกิดความมั่นใจในคุณภาพทางการศึกษาและคุณภาพของสถานศึกษาชุมชนและสังคมประเทศชาติ
ได้เยาวชนและคนที่ดี มีคุณภาพและศักยภาพที่จะ
ช่วยพัฒนาองค์กร
ชุมชน
และสังคมประเทศชาติต่อไปผู้รับบริการได้รับความพึงพอใจจากการให้บริการของหน่วยงาน ในระดับสถานศึกษาการประกันคุณภาพจะครอบคลุมถึงการสร้างความมั่นใจโดยการใช้ข้อมูล
สารสนเทศและองค์ความรู้และการวางแผนป้องกันปัญหาที่จะเกิดตั้งแต่ในขั้นการออกแบบกระบวนการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตร
การบริหารหลักสูตร การติดตาม ตรวจสอบและทบทวนเป็นระยะๆ เพื่อให้มีการแก้ไข
ปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่อง การประเมินคุณภาพผลผลิต การจัดทำรายงาน
และนำเสนอข้อมูลการประเมินสำหรับ การตัดสินใจในระดับต่างๆ และ
สำหรับการวางแผนพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาในระยะต่อไป
หลักการสำคัญของการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษาระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานการประกันคุณภาพการศึกษาครอบคลุมถึงมวลกิจกรรมและภารกิจทางวิชาการและทางการบริหารการจัดการที่มี
การวางแผนล่วงหน้า และมีการประสานสัมพันธ์อย่างเป็นระบบ
เพื่อที่จะสร้างความมั่นใจทีสมเหตุสมผลว่าผู้เรียน จะมีความรู้ ความสามารถ และ
คุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามมาตรฐานการศึกษาที่ได้กำหนดไว้
บทบาทหน้าที่ของครูในการประกันคุณภาพภายในควรเป็นดังนี้
1.มีการเตรียมความพร้อมของตนเอง
โดยทำการศึกษาให้เกิดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการ วิธีการ
ขั้นตอนในการประเมินผลภายใน รวมทั้งพยายามสร้างเจตคติที่ดีต่อการประเมินภายใน
2.ให้ความร่วมมือกับสถานศึกษาในการให้ข้อมูลพื้นฐานทั่วไปที่คณะกรรมการประเมินผลภายในต้องการ
3.ให้ความร่วมมือกับสถานศึกษาเมื่อได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการในกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งของการประเมินผลภายใน
เช่น เข้าร่วมพิจารณาจัดทำปฏิทินการปฏิบัติงานด้านการประเมินผลภายในสถานศึกษา
ร่วมกันพิจารณาจัดสร้างเครื่องมือในการจัดเก็บข้อมูลลักษณะต่างๆ ในกระบวนการประเมินผลภายใน
ร่วมกันทำการสำรวจเก็บข้อมูลที่คณะกรรมการสำรวจ ร่วมกันทำการวิเคราะห์ข้อมูล (หากมีความรู้ด้านการวิเคราะห์) ร่วมกันสรุปผลการประเมิน
เป็นต้น
4.ให้ความร่วมมือกับสถานศึกษา ในการร่วมกันกำหนดจุดประสงค์
กำหนดมาตรฐานและตัวบ่งชี้ในการประเมินด้านต่าง ๆ ของสถานศึกษาเอง
และร่วมกันกำหนดเกณฑ์การตัดสินมาตรฐานและตัวบ่งชี้ในด้านต่าง ๆ
5.ปฏิบัติหน้าที่หลักหรือหน้าที่ประจำที่รับผิดชอบอย่างมีระบบ
ตามกระบวนการและสอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษา เช่น
ในหน้าที่การสอนต้องมีการพัฒนาหลักสูตรและแผนการสอนที่เน้นนักเรียนเป็นสำคัญ
จัดเตรียมเนื้อหาสาระที่ถูกต้องเหมาะสมกับจุดประสงค์การเรียนการสอน
จัดทำสื่อการสอนที่มีประสิทธิภาพตรงตามจุดประสงค์การเรียนการสอน จัดกิจกรรม
วิธีการเรียนรู้ที่สร้างให้ผู้เรียนเกิดการค้นคว้าหาความรู้สร้างความรู้ด้วยตนเอง
เลือกวิธีการประเมินผลการเรียนหลากหลายและเหมาะสมรวบรวมผลสรุปผล
ประเมินการเรียนการสอน พฤติกรรมของผู้เรียน
นำผลการประเมินมาปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
ดวงฤทัย กงเวียน (2546)
ศึกษาเรื่อง การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความรู้กับ เจตคติต่อการประกันคุณภาพการศึกษาของครูระดับประถมศึกษา
กลุ่มกรุงธนเหนือ สังกัดกรุงเทพมหานคร พบว่า
. ความรู้กับเจตคติต่อการประกันคุณภาพการศึกษา
มีความสัมพันธ์กันอย่างไม่มี นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
. ครูมีความรู้เกี่ยวกับการประกันคุณภาพการศึกษาในระดับดีมาก
. ครูที่มีอายุ ประสบการณ์สอนต่างกันมีความรู้เกี่ยวกับการประกันคุณภาพ
การศึกษาแตกต่างอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
. ครูที่สอนในโรงเรียนขนาดใหญ่มีความรู้เกี่ยวกับการประกันคุณภาพการศึกษา
มากกว่าครูที่สอนในโรงเรียนขนาดกลางและเล็ก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.05
. ครูที่สอนกลุ่มวิชาภาษาไทยมีความรู้เกี่ยวกับการประกันคุณภาพการศึกษา
สูงกว่ากลุ่มวิชาการงานพื้นฐานอาชีพ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05
. ครูที่มีอายุ ประสบการณ์สอน ขนาดโรงเรียนที่สอน
และกลุ่มวิชาที่สอน ต่างกัน มีเจตคติ ต่อการประกันคุณภาพการศึกษาแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ
ที่ระดับ .05
จีรนันทร์ จันทร์สว่าง (2547)
ศึกษาเรื่อง ทัศนคติของครูปฐมวัยต่อการประกัน คุณภาในโรงเรียน สังกัดกรุงเทพมหานคร
พบว่า
. ทัศนคติของครูปฐมวัยต่อการประกันคุณภาพในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร
โดยภาพรวมและด้านการรับรู้ ด้านความรู้สึก และด้านการปฏิบัติ อยู่ในระดับค่อนข้างสูง
. เปรียบเทียบทัศนคติครูปฐมวัยต่อการประกันคุณภาพในโรงเรียน
สังกัด กรุงเทพมหานคร จำแนกตามขนาดโรงเรียน การเปิดรับสื่อข่าวสารและลักษณะ ประสบการณ์
พบว่า
2.1 ทัศนคติครูปฐมวัยต่อการประกันคุณภาพในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร
จำแนกตามขนาดโรงเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ในภาพรวม และแต่ละด้าน ในด้านการปฏิบัติ
2.2 ทัศนคติครูปฐมวัยต่อการประกันคุณภาพในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร
จำแนกการเปิดรับสื่อข่าวสารด้านการอ่านบทความ มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ
.05 ในภาพรวมและรายด้าน ในด้านการรับรู้ ด้านความรู้สึก และด้าน การปฏิบัติ
ส่วนการเปิดรับสื่อข่าวสาร ด้านการฟังข่าวสารไม่แตกต่างกัน ในภาพรวมแต่ละด้าน การปฏิบัติแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.05
2.3 ทัศนคติครูปฐมวัยต่อการประกันคุณภาพในโรงเรียนสังกัด
กรุงเทพมหานคร จำแนกลักษณะของประสบการณ์ด้านการอบรมมีความแตกต่างกันอย่าง มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.05 ในภาพรวมและรายด้าน ในด้านการปฏิบัติ ส่วนลักษณะ ของประสบการณ์ ด้านการเป็นวิทยากร
และด้านการทำงานแบบมีส่วนร่วม ในภาพรวม และรายด้าน ในด้านการรับรู้ ด้านความรู้สึกและด้านการปฏิบัติ
ไม่แตกต่างกัน
หนึ่งฤทัย จิรประเสริฐ (2549)
ศึกษาเรื่อง ความคิดเห็นของบุคลากรที่มีต่อการ ประเมินคุณภาพภายนอกของโรงเรียนระดับการศึกษาขึ้นพื้นฐาน
อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี พบว่า
. บุคลากรมีความคิดเห็นต่อการประเมินคุณภาพภายนอก
โดยภาพรวมและ รายด้านอยู่ในระดับมาก
. บุคลากรที่มีตำแหน่งและดับการศึกษาต่างกัน
มีความคิดเห็นต่อการประเมิน คุณภาพภายนอก โดยรวมและรายด้านแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ
. บุคลากรที่มีระยะเวลาการปฏิบัติงานต่างกัน
มีความคิดเห็นต่อการประเมิน คุณภาพภายนอกโดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.05 และเมื่อพิจารณา เป็นรายด้าน พบว่า ด้านกระบวนการก่อนการประเมินคุณภาพภายนอกและด้านกระบวนการ
หลังการประเมินคุณภาพภายนอกแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วน ด้านกระบวนการระหว่างการประเมินคุณภาพภายนอก แตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญ
. บุคลากรที่อยู่ในโรงเรียนที่ขนาดต่างกัน
มีความคิดเห็นต่อการประเมิน คุณภาพภายนอกโดยรวมแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ
และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านกระบวนการก่อนการประเมินคุณภาพภายนอกและด้านกระบวนการหลังการ
ประเมินคุณภาพภายนอก แตกต่างกันอย่าไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ ส่วนด้านกระบวนการ ระหว่างการประเมินคุณภาพภายนอกแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.05
. บุคลากรมีความคิดเห็นด้านกระบวนการก่อนการประเมินคุณภาพภายนอก
ควรมีการจัดประชุม สัมมนา ควรแจ้งโรงเรียนถึงการเตรียมเอกสาร รายละเอียด ขั้นตอน การประเมิน
เพื่อจะได้เตรียมความพร้อมก่อนการประเมิน ด้านกระบวนการระหว่างการ ประเมินคุณภาพภายนอกเห็นว่า
ควรประเมินตามสภาพจริง ไม่ควรเน้นเอกสารมากเกินไป ควรคำนึงถึงความแตกต่างของโรงเรียน
และด้านกระบวนการหลังการประเมินคุณภาพ ภายนอกเห็นว่า ได้รับเอกสารการประเมินช้ามาก
ข้อเสนอแนะควรให้โรงเรียนนำไป ปฏิบัติได้จริง
จากการศึกษาเอกสารและงานวิจัยดังกล่าว
ส่วนใหญ่จะเห็นว่าบุคลากรมีเจตคติ ต่อการประกันคุณภาพการศึกษาในเชิงบวกและการประกันคุณภาพการศึกษานั้นมีความสำคัญ
ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสถานศึกษาอย่างชัดเจน ดังนั้นการที่จะดำเนินการด้านการ ประกันคุณภาพการศึกษาให้มีประสิทธิภาพก็ขึ้นอยู่กับเจตคติของบุคลากรที่มีต่อการ
ประกันคุณภาพการศึกษาด้วยเช่นกัน
สุวลักษณ์ เรืองวิเศษ (2545)
ได้ศึกษาเรื่อง ความรู้ ความเข้าใจเรื่องการประกัน คุณภาพการศึกษาของครูสังคมศึกษา
สังกัดกรมสามัญศึกษา จังหวัดขอนแก่น ผลการวิจัย พบว่า
. ครูสังคมศึกษามีความรู้ ความเข้าใจเรื่องการประกันคุณภาพการศึกษาในภาพรวม
ค่อนข้างดี โดยค่าเฉลี่ยของคะแนนความรู้ ความเข้าใจเรื่องการประกันคุณภาพการศึกษา
. การเปรียบเทียบความรู้ ความเข้าใจเรื่องการประกันคุณภาพการศึกษาของครู
สังคมศึกษา สังกัดกรมสามัญศึกษา จังหวัดขอนแก่น โดยภาพรวม ที่จำแนกตามเพศ อายุ ราชการ
ขนาดของโรงเรียน พบว่ามีความรู้ความเข้าใจไม่แตกต่างกัน
วิลาวัลย์ ศรีแผ้ว (2546)
ได้วิจัยเรื่อง การศึกษาสภาพและปัญหาการดำเนินการ ประกันคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร
ผลการวิจัยพบว่า
. สภาพการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษา
ตามมาตรฐานของโรงเรียน สังกัดกรุงเทพมหานคร โดยรวมและเป็นรายด้านทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านผู้เรียน
ด้านปัจจัย และด้านกระบวนการ มีการดำเนินงานอยู่ในระดับมาก
. ปัญหาการดำเนินงานการประกันคุณภาพการศึกษา
ตามมาตรฐานของ โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยรวมและเป็นรายทั้ง 3 ด้าน ด้านผู้เรียน
ด้านปัจจัย และด้านกระบวนการ มีปัญหาการดำเนินงานอยู่ในระดับน้อย
. การเปรียบเทียบสภาพการดำเนินงานการประกันคุณภาพการศึกษา
ตาม มาตรฐานของโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร จำแนกตามขนาดของโรงเรียน พบว่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.05 จำแนกตามวุฒิการศึกษาและ ประสบการณ์ในการบริหารงานของผู้บริหารโรงเรียน
พบว่าแตกต่างกัน
8.
วิธีดำเนินการวิจัย
การศึกษาวิจัยการประกันคุณภาพการศึกษาภายในโรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยอุทิศ
จังหวัดกาญจนบุรี ครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative
research) ผู้วิจัยได้กำหนดแนวทางในการดำเนินการศึกษาวิจัย โดยมุ่งศึกษาวิจัยเกี่ยวกับ
สภาพการประกันคุณภาพการศึกษา ด้านการบริหารจัดการ ด้านการมีส่วนร่วมของบุคลากร และด้านการตรวจสอบและการประเมินคุณภาพภายใน
ซึ่งเป็นการศึกษาเชิงสำรวจ (Survey Research) โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการประกัน
คุณภาพการศึกษาภายในที่สร้างขึ้นมาโดยใช้ลักษณะมาตรวัดที่เรียกว่า Likert
Scale ด้วยการวัดตัวแปรต่าง ๆ โดยให้กลุ่มตัวอย่างทำการประเมินระดับการประกันคุณภาพ
การศึกษา ภายในโรงเรียน และนำมาวิเคราะห์ข้อมูล
ประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย
ประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้
ได้แก่ ครูละบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยอุทิศ จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 35 คน ซึ่งได้แก่
ผู้บริการสถานศึกษา ข้าราชการครู อัตราจ้าง พนักงานราชการ และ
คณะกรรมการสถานศึกษาอีกจำนวน 10 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้
ผู้วิจัยได้จัดทำแบบสอบถาม
(Questionnaire) เพื่อเป็น เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ เป็นข้อคำถามเกี่ยวกับการประกันคุณภาพการศึกษา
ภายในของโรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยอุทิศ จังหวัดกาญจนบุรี แบ่งออกเป็น 3 ตอน
ประกอบด้วย
ตอนที่
1 เป็นข้อคำถามเกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม
และ สภาพแวดล้อมในการทำงานของผู้ตอบแบบสอบถาม จำนวน 2 ข้อ ประกอบด้วย สถานภาพส่วนบุคคล
จำแนกตาม วุฒิการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน และ สถานภาพในการปฏิบัติงานในโรงเรียนสภาพแวดล้อมในการทำงาน
ตอนที่
2 เป็นข้อคำถามเกี่ยวกับการประกันคุณภาพการศึกษาภายในโรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยอุทิศ
จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 42 ข้อ ประกอบด้วยข้อคำถามด้านการบริหารจัดการ ด้านการมีส่วนร่วมของบุคลากร
และด้าน การตรวจสอบและการปะเมินคุณภาพภายใน
เกณฑ์การให้คะแนนเป็นการกำหนดระดับคะแนนเพื่อให้ผู้ตอบแบบสอบถาม
นำไปใช้ประเมินข้อคำถามในแต่ละข้อว่ามีความคิดเห็นอยู่ในระดับใด (ตอนที่
2) จำนวน 42 ข้อ ซึ่งเป็นข้อถามถามแบบ Rating scale โดยแบ่งระดับคะแนนออกเป็น 5 ระดับ ในแต่ละช่วงมีความห่างของคะแนนเท่า ๆ กัน
ดังนี้
มากที่สุด เท่ากับ 5 คะแนน
มาก
เท่ากับ 4 คะแนน
ปานกลาง
เท่ากับ 3 คะแนน
น้อย
เท่ากับ 2 คะแนน
น้อยที่สุด
เท่ากับ 1 คะแนน
การดำเนินการทดลอง
1. ขั้นดำเนินการทดลอง
หลังจากสร้างและทดสอบเครื่องมือแล้ว
ได้นำไปแจกให้กับบุคลากรของโรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยไทยอุทิศ
จังหวัดกาญจนบุรี เก็บรวบรวมข้อมูลที่ได้จากแบบสอบถามไปประมวลผลและ
วิเคราะห์ด้วยโปรแกรม
SPSS (Statistical Package for the Social Sciences) โดยการ หาค่า ความถี่
(Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ใช้บรรยายสถานภาพส่วนบุคคล
ของกลุ่มตัวอย่าง และหาค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
(Standard Deviation)
2.
การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตอบคำถามวิจัย
รวบรวมความคิดเห็นของครูและบุคลากรทางการศึกษาเกี่ยวกับการนำระบบบริหารคุณภาพมาใช้
ในการประกันคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยไทยอุทิศ
จังหวัดกาญจนบุรี โดยการหาค่า ความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ
(Percentage) ใช้บรรยายสถานภาพส่วนบุคคล ของกลุ่มตัวอย่าง และหาค่าเฉลี่ย
(Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
บรรณานุกรม
กรมวิชาการ. (2544ข). หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ หน้า กระทรวงฯ.
ประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา. สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา.
กรุงเทพฯ: คุรุสภาลาดพร้าว.ณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยนเรศวร.
ณัฐพล ชุมวรฐายี. (2545). บันไดสู่การประกันคุณภาพการศึกษา. กรุงเทพฯ: บุ๊คพอยท์.
ดวงดาว ทองผ่อง. (2545). สภาพปัญหาและการประกันคุณภาพภายในโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำนักงานการประถมศึกษากรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา
บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
ดวงใจ สุขสม. (2547). การปฏิบัติของครูในด้านมาตรฐานการศึกษาของโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดชุมพร. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา
บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต.
นครินทร์ ขาวผ่อง. (2547). กระบวนการพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่ส่งผลต่อการประกันคุณภาพภายในโรงเรียนเทศบาลจังหวัดเพชรบุรีและจังหวัดประจวบคีรีขันธ์. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต
สาขาวิชาการบริหารการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี.
นภวรรณ ศรีภูธร. (2544). การประกันคุณภาพภายในโรงเรียนของโรงเรียนนำร่อง สังกัดกรมสามัญศึกษาจังหวัดหนองบัวลำภู. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา
บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
นิเทศและพัฒนามาตรฐานการศึกษา, สำนัก. (2546). รายงานวิจัยปฏิบัติการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา. กรุงเทพฯ: องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์.
ประสาน แบงเพชร. (2548). การมีส่วนร่วมของครูในการดำเนินการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุพรรณบุรี. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี.
การดำเนินงานการประกันคุณภาพการศึกษา
SDU Res J Special Edition (2): ภายในโรงเรียน ตามทรรศนะของครูผู้สอนอำเภอบางสะพานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 1
ยุพิน ศิริเรือง. (2547). ทรรศนะของครูต่อการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาสังกัด สำนักงานการประถมศึกษาอำเภอเมืองเพชรบุรี
จังหวัดเพชรบุรี. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาการบริหารการศึกษา
บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต.
วิชาการและมาตรฐานการศึกษา, สำนัก. (2549). แนวทางการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา.กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
วิเชียร เกตุสิงห์. (2534).
การวิจัยเชิงปฏิบัติ. กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช.
ศรีสมร แป้งหอม. (2545). ปัจจัยการบริหารที่ส่งผลต่อการประกันคุณภาพภายในโรงเรียนประถมศึกษาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา
บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี.
สถิตย์ ยังคง. (2544). ความคิดเห็นของบุคลากรในโรงเรียนที่มีต่อระบบประกันคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนมัธยมศึกษา
สังกัดกรมสามัญศึกษา จังหวัดสมุทรปราการ. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
เสงี่ยม เป้าเล้ง. (2546).
การศึกษาการดำเนินงานการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
สำนักงานเขตพื้นที่สมุทรสาคร. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาการบริหารการศึกษา
บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม.
สุจินต์ นิ่มอนงค์. (2543).
องค์ประกอบศักยภาพของสถานศึกษาที่มีอิทธิพลต่อการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานระดับมัธยมศึกษาในเขตการศึกษา
1 นครปฐม. นครปฐม:
กลุ่มวิจัยและพัฒนาสำนักพัฒนาการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม เขตการศึกษา
1.มหานคร. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต,
มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
ภาวิณี รัตนวิจัย. (2550).
ความรู้และเจตคติที่มีต่อการประกันคุณภาพการศึกษาของ บุคลากรมหาวิทยาลัยรามคำแหง.
วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
มหาวิทยาลัยรามคำแหง.(2550).
คู่มือการประกันคุณภาพการศึกษามหาวิทยาลัย รามคำแหง.สำนักประกันคุณภาพการศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง. กรุงเทพมหานคร.
มหาวิทยาลัยรามคำแหง. (2553).
คู่มือการประกันคุณภาพการศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง. สำนัก ประกันคุณภาพการศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง. กรุงเทพมหานคร.
วิลาวัลย์ ศรีแผ้ว. (2546).
การศึกษาสภาพและปัญหาการดำเนินงานการประกันคุณภาพ การศึกษาของโรงเรียน
สังกัดกรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต,
มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
:
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น